plasma-lcd-televisions

TV มันคือ การดูภาพเคลื่อนไหว หรือที่เราเรียกว่าดูภาพยนต์ จำพวก DVD , Blue-ray , HD Player ตอนนี้บางรุ่น เอามาเล่นเกมส์ หรือเป็นจอคอมได้แล้วครับ เพราะมันมีฟังก์ชั่นป้องกัน+ล้างจอไหม้(ฟังก์ชั่นป้องกันจอไหม้ คือภาพที่แสดงบนจอแต่ละพิกเซล จะถูกเคลื่อนที่โดยย้ายจากพิกเซลเดิมวนไปเรื่อยๆ จอจึงไม่เกิดอาการรอยไหม้ครับ)

LED LCDTV & LCDTV มันเหมาะกับการเล่นเกมส์เก่าๆ(เพราะฉากหลังมันชอบซ้ำๆ ไม่เปลี่ยนฉากสักเท่าไหร่) แล้วก็เป็นจอคอม(ซึ่งจอใหญ่ๆเอามาทำจอคอม ก็เมื่อยเปล่าๆ) หรือเอามาทำเป็นจอสำหรับ Present งานน่ะหรือ สูงสุดก็ 2MPixel(1920×1080) ซึ่ง Plasma ก็มี 2MPixel และเดี๋ยวนี้ Plasma มันมีฟังก์ชั่นป้องกันจอไหม้+ล้างจอไหม้ได้แล้ว จริงๆแล้วมันฆ่า LED LCDTV & LCDTV ซะราบคราบไปแล้วล่ะครับ 555+

LCD มันก่อกำเนิดมาเป็นจอ Monitor มาแทนจอ CRT Monitor(ทำงานแบบดิจิตอล ต่างจาก CRTTV ที่เป็นแบบอนาล็อค)ที่กินเนื้อที่ แล้วด้วยช่วงแรก Plasma มันทำจอ 42″ เล็กสุด สายการผลิตยังไม่มี ต้นทุนจึงสูง ราคาขายจึงแพงตาม ผู้ผลิตต่างเล็งเห็นว่าต่อยอด LCD เป็น LCDTV ดีกว่า สายการผลิตมีอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนในส่วนนี้ คุณรู้มั๊ยว่าเครื่องมือวัดบางอย่างราคาเท่ากับซื้อรถเก๋งญี่ปุ่นได้เลยนะ ครับ(เครื่องกำเนิดสัญญาณภาพ Video Pattern Generator ราคา 2xx,xxx เครื่องวัดค่าสี ค่าความสว่าง Color Analysys ราคา 8x,xxx) ใน 1 ไลน์ผลิตใช้มากกว่า 10 เครื่องเลยนะครับ สู้ต่อยอด LCD ดีกว่า แล้วโหมกระแส ข้อดีเข้าไว้ ทั้งที่จริงพูดกันคนละเรื่อง บอกว่า LCD ร้อนน้อยกว่า ประหยัดไฟกว่า ซึ่งตอนที่โหมกระแส LCDTV ที่ทำมาขายในตลาดนั้นมันแค่ 26-32″ เท่านั้น ยุคแรกนั้นกินไฟประมาณ 100-140w ที่มันกินน้อยก็เพราะตอนนั้น Contrast ratio = 800-1000 , Brightness = 200-350 ยังต่ำมาก ตอนนี้เป็นไงครับปาเข้าไป Contrast จริง(ไม่ใช่ Dynamic contrast) = 15,000:1 , Brightness = 500cd/m2 เช่น LCDTV LG 32″ 32SL80YR Dynamic contrast = 150,000:1 , Brightness = 500cd/m2 กินไฟไปที่ประมาณ 210w ครับเทียบเท่า PlasmaTV 42″ LG 42PQ60R กินไฟ 200w เองครับ ทั้งที่ Plasma ทำ Dynamic contrast = 2,000,000:1 , Brightness = 1,500cd/m2 แล้วตอนนี้ก็โดนของกันอีกDอกแล้ว โดยการจับ LCDTV ที่ถึงทางตันมาโหมกระแสความบางแบบพิชซ่าแป้งกรอบ คือมันทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว LCDTV ทีดีที่สุด Response time แบบหลอกๆก็ 1ms น่าจะต่ำสุดแล้วนะ(Plasma ทำได้ที่ 0.001ms มาตั้งนานแล้ว) Dynamic contrast = 200,000:1(Plasma ทำได้ที่ 5,000,000:1 รุ่นใหม่ๆในตอนนี้) , Brightness = 500cd/m2(Plasma ทำได้ที่ 1,500cd/m2 มาตั้งนานแล้ว) ตอนนี้โหมกระแส LEDTV(จริงๆ มันคือจอ LCD ตัวเดิม ต้องเรียกว่า LED LCDTV) มันคือการเปลี่ยนหลอด Backlight จากหลอด CCFL(ที่คล้ายหลอดฟลูโอเรนเซนต์) เป็นหลอด LED แทนเพื่อที่จะให้มันควบคุมการเปิดปิด Backlight เป็นจุด เป็นกลุ่มได้ดีกว่า LCDTV แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่า Plasma(Plasma มันกำเนิดแสงได้ด้วยตัวเอง ในแต่ละพิกเซล) แต่หลอด LED มีผลทำให้ประหยัดไฟดีกว่า CCFL มีวลีที่เป็นสัจจะธรรม “รถมันจะแรง ต้องให้มันกินน้ำมัน ยิ่งเซฟมันก็วิ่งไม่ออก” เช่นกันครับ “TV จะชัด ดูสบายตา ต้องให้ไฟมันกิน” เห็นรีวิวไหมครับฟังก์ชั่น Energy saving ต้อง off หรือ low ถึงจะดูได้ middle หรือ maximum ไม่แนะนำ เพราะภาพมันจะมืดดูไม่รู้เรื่อง และ Response time ของ LED LCDTV ก็ยังทำให้ต่ำกว่า 1 ms ไม่ได้อยู่ดี Brightness ทำให้สูงกว่า 500cd/m2 ก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน แถมบางยี่ห้อทำเป็นจอกระจกซะงั้น ซึ่งเจ้ากระจกนี่แหละทำให้สีสันมันสดใสเพิ่มขึ้น เลยทำให้คิดว่า LED LCDTV มันดีกว่า LCDTV ซึ่งมันใช่รึเปล่าครับ คุณเอา LCDTV ธรรมดาเปลี่ยนเป็นจอกระจก สีสันมันก็สดใสขึ้นมาเองน่ะแหละ โดนหลอกอีกแล้ว ถ้าจะดูว่า LED LCDTV มันดีกว่า LCDTV แบบเดิมหรือไม่นั้น ผมว่าน่าจะดูของ LG ตระกูล LE5500 เพราะจอไม่ใช่กระจก เปลี่ยนแค่ Backlight เป็น LED และเพิ่ม Dynamic contrast = 5,000,000:1 , Birghtness คงจะเท่าเดิม เพราะไม่ระบุ , Response time 2.4 ms(แย่กว่าเดิมซะอีก) แต่มี 100/120Hz ต้องดูที่ตัวนี้ครับ เพราะไม่ได้ใส่จอกระจกหลอกเข้าไป มันคุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มรึเปล่า LED LCDTV เนี่ย เพราะดูจากสเปคแล้วเพิ่มแค่ Dynamic contrast ให้แสบตาเปล่าๆ อ้อ.เปลี่ยน Backlight จาก CCFL เป็น LED ทำให้ประหยัดไฟขึ้นอีกนิด แต่จอยังเป็น LCD เหมือนเดิมนะครับ อย่าหลงคำโฆษณา และทำให้สีดำ ดำดีขึ้น แต่ไม่เท่า Plasma แค่ดีกว่า LCDTV มันคุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มแล้วหรือ ทั้งที่ Plasma มันไม่ต้องทำอะไรเลย มีอย่างเดียวที่ Plasma ต้องทำก็คือ “ลดการสะท้อน” และ Plasma มันมีแต่ถูกลง หรือราคาเดิม แต่ได้สเปคสูงขึ้น สวยขึ้น เมื่อก่อนผมก็ไม่มอง Plasma เพราะทั้งหนา ทั้งเหลี่ยมแบบทื่อๆ ทรวดทรงเชยๆ LCD ดูแล้วสวย ใครๆก็ต้องหลง ตอนนี้ใครหลายคนก็ยังหลงอยู่ ผมน่ะใช้ LCDTV อยู่ รุ่น 37LG30R ชอบมากครับ และเสียก่อนหมดประกัน 1 อาทิตย์ LG เอา Plasma 42PQ60R มาสำรองให้ใช้ โอ้!แม่เจ้า มันดูแล้วทั้งชัด สบายตา ไม่แสบ ไม่เมื่อยตา ราคาก็ถูกกว่า เราซื้อ LCDTV มาทำไม คิดในใจนะครับ 3 วันครับ LG เอา LCD มาคืน เอา Plasma กลับไป โห. .บอกกลับตัวเองเลยครับ ต้องเอา Plasma มาเป็นของตัวเองให้ได้ 2 เดือนต่อมา LG42PJ650R ก็มาอยู่ในห้องนอนครับ ดูสบายตาครับ ชัดครับ สะท้อนแสงน้อยที่สุดในรุ่น 42″ น้อยกว่า Pana(ยกเว้น 42V20นะ) น้อยกว่า SS ผมเทียบมาหมดแล้ว ราคาเบาๆด้วยครับ ความร้อนก็เหมือนกับ LCD ไม่เห็นจะต่าง

เหตุผลที่หลายยี่ห้อทำ LCD มากกว่า Plasma
LCD ถลำลงทุนกันไปเยอะแล้ว และกระแสยังแรงอยู่ เก็บกินตามกระแสดีกว่า อย่าง SS โหมอัดโฆษณา อัพรุ่นใหม่ๆมาเรื่อยๆ สเปคแบบเว่อร์ๆกว่าแบรนด์อื่น ตามด้วย LG ซึ่งโฆษณาน้อยกว่า แค่ออกดีไซน์แบบสวย โดนใจ เกาะกระแสขายดีกว่า SS อีก ที่บอกว่า LG ขายดีน่ะดูได้จากจำนวนคนเข้าแสดงความเห็นที่เวปดูสิครับ มาเข้าเรื่องดีกว่า ส่วน Plasma ต้องเพิ่มทุนในการทำให้หน้าจอมันไม่สะท้อน กำไรน้อยเพราะผลิตน้อยด้วย สร้างโมลด์ตัวนึงสำหรับฉีดหน้ากาก(Front cover) หรือแม่พิมพ์สำหรับปั๊มฝาหลัง(Rear cover) แล้วยอดผลิตขายมันน้อยนิด ก็ไม่คุ้มต้นทุน แต่ถ้าใครได้ใช้ Plasma สักครั้งจะเห็นความต่าง ทั้ง LCD และ Plasma ที่เป็น Full HD 1920*1080p มันไว้ใช้กับเล่นแผ่น Blue-Ray , HD Player และถ้าจะใช้ต่อคอม ขอบอกไม่จำเป็นเลยครับ ต่อคอมมันจะแสดงผลที่ 1920*1080 หรือ 2ล้านพิคเซล แต่เอาความจริง คนไม่ปกติเท่านั้นแหละที่ใช้จอใหญ่ๆมาเป็นจอคอม ต้องส่ายหัว กวาดสายตาจนคอเคล็ดเลยนะ จอคอมแค่ 22-23″ ก็สุโค่ยแล้ว จอ Plasma 1024*768 HD Ready มีพอร์ต HDMI ก็เท่ากับว่าจอ Plasma ตัวนี้สามารถแสดงผลที่ 1920*1080p ได้โดยการดาวน์สเกลลงมาที่ 720p ภาพชัดพอๆกับ Full HD แยกแทบไม่ออกเช่นกัน เปิด Blue-Ray , HD Player กับ Plasma ที่มีพอร์ต HDMI ได้อย่างสบายๆ และถ้าเปิด DVD 720p ทั่วไป จอ HD Ready จะได้ภาพที่ชัดกว่าจอ Full HD นะครับ

ขนาดจอ(นิ้ว)เท่ากัน ดู TV ได้แบบสบายๆตา . . . . . Plasma สบายราคากว่า
ขนาดจอ(นิ้ว)เท่ากัน ดู TV ได้แบบสเปคเทพ . . . . . Plasma ราคาแพงกว่า แบบไม่อยากแตะ
ดู PIONEER สิ ทำแต่ PlasmaTV ขาย สเปคต่ำสุดของเค้าราคาร่วม 80,000บาท เวลารีวิวยังใช้ฉากพระจันทร์ตอนกลางคืนของ Pioneer รีวิวทุกครั้งเลย

PlasmaTV เหมาะกับการดู TV , DVD , Blue-Ray , HD Player และ Game หรืออะไรที่มันเคลื่อนไหวน่ะแหละ ให้ภาพที่สวย สมจริงเป็นธรรมชาติ สบายตา ไม่แสบตาแน่นอน รีวิวเล่นเกมส์กับ 3D Plasma Pana 50VT20(http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?desc=2&param_id=638)

LEDTV(จริง แล้วก็คือจอ LCD) , LCDTV มันเหมาะที่จะเป็นจอคอมเท่านั้น ส่วนการเพิ่ม TV มันเป็นแค่ต่อยอดเท่านั้น ขอย้ำว่า “เท่านั้น” จริงๆ

จอกระจกสำหรับ LED LCDTV
จริง แล้วจอ LCD มันเป็นกระจกทุกตัวครับ แต่ขบวนการผลิตสุดท้ายเค้าต้องฉาบ(coating)ให้มันไม่สะท้อน เพื่อเป็นจุดขายตอนที่มาแทนที่ CRT Monitor และตอนนี้ LED LCDTV เกือบทุกรุ่นหันมาใช้จอกระจกเพราะคงต้องการเปลี่ยนจุดขาย ซึ่งต้นทุนจอถูกลงด้วยซ้ำ เพราะตัดขั้นตอนการฉาบ(coating)จอออกไป ทำให้แสงและภาพไปออกที่หน้าจอง่ายกว่าเดิมต่างหาก ส่งผลให้ Contrast Ratio สูงขึ้นแบบสุดลิ่ม บางรุ่นนะครับ Dynamic Contrast 10,000,000:1 ไปนั่นเลย และใน LCDTV ของ SS รุ่นที่เป็น Crystal Design ก็ใช้จอกระจกทำให้สีสันสดใส แล้วเพิ่มราคาเข้าไปซะ ทั้งที่ต้นทุนจอลดลง คนไทยตามไม่ทันครับ และในบางกระทู้มีคนบอกว่ามันมองด้านข้างแล้วสีสันซีดลงด้วย รุ่น 40B650 น่ะครับถ้าจำไม่ผิด ดูจากลิงค์นี้นะครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ดู (http://www.lcdtvthailand.com/spec/compare-spec.asp) Dynamic Contrast ของ 40B650(จอกระจก) 100,000:1 & 40B610(จอด้าน) 80,000:1 และอีก2รุ่น LA40C650(จอกระจก) 150,000:1 & 40C630(จอด้าน) 120,000:1 จะเห็นว่าแค่ใส่จอกระจก Dynamic Contrast มันก็เพิ่มเองอยู่แล้วครับ
* ข้อสังเกตุ ทำไมจอ LED LCD Monitor(LED Monitor) กลับไม่ใช้จอกระจก เห็นใช้แต่จอด้าน

LED LCDTV ราคาควรถูกกว่า LCDTV เพราะตัด Process coating ออกไป เปลี่ยน Backlight เป็น LED , LED เป็น Semi-conductor ที่มีมานานแล้ว ไม่ใช่ของใหม่ หลอด LED ราคาปลีกที่บ้านหม้อน่าจะตัวละ 2 บ.ได้มั๊ง แต่ถ้าโรงงานซื้อมาผลิตราคาไม่เกิน 0.50 บ.แน่นอน

ถ้าเป็น OLED , AMOLED หรือ Super AMOLED ก็ว่าไปอย่าง นี่คือเทคโนโลยีใหม่ของจอจริงๆ แต่ที่เค้ายังไม่นำมาก็เพราะ อายุใช้งานของจอมันสั้นมาก และเสียง่ายไม่แน่นอน(not stable) และนี่คือความพยายามพัฒนาจอ OLED Mitsibishi 155″ http://www.lcdtvthailand.com/news/detail.asp?param_id=640

ระบบ TV มี 2 ระบบ
โดย การสแกน 2 ครั้ง แล้วรวมกันเป็นภาพ เรียกว่า Interlace Scan โดยสแกนเส้นคี่ก่อนแล้วตามด้วยเส้นคู่ [สแกนเส้นคี่ 1 +เส้นคู่ 1 = 1ภาพ]
1.PAL/SECAM 50Hz = สแกนเส้นคี่ 25 ภาพ + เส้นคู่ 25 ภาพ = 25ภาพ/50Hz(วินาที) . . . Movie Resolution 625 เส้น
2.NTSC 60Hz ——- = สแกนเส้นคี่ 30 ภาพ + เส้นคู่ 30 ภาพ = 30ภาพ/60Hz(วินาที) . . . Movie Resolution 525 เส้น

ระบบ DVD , HD , BD มี 2 ระบบ
1.Interlace scan สแกน 2 ครั้งโดยเส้นคี่ก่อนแล้วตามด้วยเส้นคู่ แล้วรวมกันเป็นภาพ เหมือนกับTV 480 i , 576i , 720i , 1080i
2.Progressive scan สแกนครั้งเดียวแบบเส้นที่1-480p/576p(DVD) , 1-720p(HD) , 1-1080p(Full HD) การสแกนครั้งเดียวเดียวของ Progressive ทำให้ภาพคมชัดกว่าระบบ Interlace scan

ระบบ Trumotion , Motion Flow in LCD Panel
สัญญาณภาพที่ป้อนให้จอ LCD จาก 0 -> High1 -> High2 -> 0 -> Delay time -> Low1 -> Low2 -> 0
ค่า Delay Time เป็นที่มาของค่า RT(Response Time) ที่สูงกว่า Plasma
ค่า RT สูง ทำให้ภาพเคลื่อนไหวเร็วๆในฉากแอ็คชั่นมันไม่ไหลลื่น จนเป็นเงาวิ่งตาม หรือที่เรียกว่า Ghost
จอ LCD แทรกเฟรมแบบ Plasma ไม่ได้เพราะ ยิ่งแทรกจะยิ่งเห็นเงาวิ่งตาม
Trumotion หรือ Motion Flow จึงถูกนำมาใช้ด้วยหลักการดังนี้
สร้าง ภาพแบบป้อนสัญญาณ Double เข้าไป แล้วให้มันประมวลผลภาพแบบ Shift Phase หรือ Reverse Phase เพื่อมาชดเชยส่วนที่เกิด Delay time เพื่อให้สัญญาณมันวิ่งจาก High -> Low ให้เหมือน Plasma
100/120Hz = Double 1 ครั้ง จาก 50Hz
200/240Hz = Double 1 ครั้ง จาก 100Hz
400/480Hz = Double 1 ครั้ง จาก 200Hz
เทคนิค ชดเชยค่า Delay time ตรงนี้แต่ละยี่ห้อก็จะใช้หลักการ Shift Phase หรือ Reverse Phase แต่จะเซตค่าให้ Shift หรือ Reverse แค่ไหน แล้วภาพออกมาไหลลื่นเป็นธรรมชาติกว่ากัน ก็ต้องลองดูเอาครับ มันเป็นความลับที่ทุกยี่ห้อ ไม่ยอมเปิดเผย
เทคนิคนี้ช่วยแก้ปัญหาให้ภาพดูไหลลื่นขึ้น แต่จะไม่เป็นธรรมชาติ โดยสังเกตุได้จาก
1.ตัวหนังสือวิ่งด้านล่างของรายการ TV จะวิ่งไม่เป็นปกตินัก
2.หน้าของนักแสดงที่หันแบบเร็ว จะเห็นความไม่เป็นธรรมชาติ รวมถึงฉากแอ็คชั่นที่เร็วๆด้วยครับ

ระบบ 600Hz Max Sub-Field Drive in Plasma
เป็นการแทรกเฟรม 12ภาพ/Hz = 12ภาพ x 50Hz = 600ภาพ/50Hz(วินาที)
สัญญาณ ภาพที่ป้อนให้จอ Plasma จาก 0 -> High -> 0 -> Low สัญญาณวิ่งจาก High -> Low เร็วมาก(ใกล้เคียง CRT) ทำให้ค่า RT น้อยมาก
Plasma มีค่า RT 0.001ms ทำให้ภาพเคลื่อนไหวเร็วๆในฉากแอ็คชั่นไหลลื่นเทียบเท่า CRTTV ที่ไม่มีค่า RT อยู่แล้ว
Plasma ไม่มีค่า Delay time จึงใส่ 600Hz Max Sub-Field Drive ได้ทันที ไม่ต้องกลัวจะมีเงาวิ่งตาม
RT 0.001ms + 600ภาพ/วินาที ทำให้ภาพมันนิ่งไม่กระพริบ จนตาเราเห็นว่าภาพมันดูสบายตา
แต่ฉากแพนกล้องแล้วฉากหลังกระพือนั้น เนื่องมาจากองค์ประกอบ 4 อย่าง ดังที่ยกตัวอย่างให้ฟังไว้แล้วครับ

สัญญาณ ภาพที่ป้อนให้จอ LCD กับ Plasma เป็นสัญญาณตัวเดียวกัน แต่ผลที่มันแสดงออกมาที่จอ มันต่างกันตรงที่จอ LCD มันเกิด Delay time และมีกระตุกที่ High 1,2 , Low 1,2 ด้วย

จาก 0 -> High1 -> High2 -> 0 -> Delay time -> Low1 -> Low2 -> 0 ค่า Delay Time เป็นที่มาของค่า RT ที่สูง

การ แทรกเฟรมใน LCD ธรรมดา ไม่ช่วยให้ภาพที่ได้ไหลลื่นขึ้น เพราะแทรกเฟรมอย่างเดียวมันก็จะมีค่า Delay ซ้อนกันไปเรื่อยๆ จึงต้องใช้วิธี Shift phase คือเอาภาพส่วนที่ไม่ Delay จากเฟรมที่แทรกมาชดเชยส่วนที่ Delay ของภาพแรก และทำแบบนี้หลายๆเฟรมที่แทรก ก็จะทำให้ภาพที่มี Delay มันลดลง ดังที่เราเห็นว่ามันไหลลืนขึ้น แต่การไหลลื่นยังไม่เท่า Plasma ก็เพราะการประมวลผลมันมีค่า +/- ในตัวอยู่ด้วย ซึ่งบางครั้งประมวลผลมาทางบวก อีกพักนึงมาทางลบ ทำให้ตาเราเห็นว่ามันไม่ปกติ แล้วยังค่า High1,2 , Low1,2 ที่มันเป็นสเตปอีกล่ะ และบางค่ายก็ใช้วิธี Scanning Backlight ร่วมด้วยอีก

Plasma ไม่มี Delay time ทำให้ไม่ซับซ้อนในการแทรกเฟรม คือแทรกอย่างเดียว 12เฟรม/Hz ไม่ต้องเอาสัญญาณมาชดเชย ค่า RT น้อยมากใกล้เคียงกับจอ CRT อยู่แล้ว บวกกับแทรกเฟรมเป็น 600เฟรม/วินาที ทำให้เหมือนเสือติกปีกอ่ะครับ

Plasma มันคุมแสงเปิดปิดได้ด้วยตัวมันเองทุก pixel แต่ LED LCDTV มันทำไม่ได้ครับ ต่อให้ Full LED ก็เถอะ ยังไงแสงก็ต้องรั่ว

ตัวอย่างเรื่องฉากแพนกล้องแล้วภาพกระพือ
หลัง จากเมื่อวานติดต่ออาจารย์ คือท่านเคยเป็นอาจารย์ในมหา’ลัยแห่งหนึ่งใน กทม. แล้วมารู้จักกันที่โรงงาน ท่านมาเป็น Duty Manager Engineer

1.Pana 50V20T เป็นจอ 1080pแท้ ดูได้จากเวป Pana ตรง Applicable Scanning Format Full-HD http://www.panasonic.co.th/web/pid/9151/Spec

2.HD Player เป็น 1080pแท้แน่นอนอยู่แล้ว

3.สาย HDMI ต้องรองรับ 1080pเช่นกัน น่าจะเป็น v.1.3a หรือ v.1.3b ขึ้นไป

4.แผ่น HD ที่นำมาเล่น ไม่ใช่ 1080p แน่นอน เพราะอาจารย์บ้าดูหนังมาก ท่านบอกว่าแผ่น HD 1080pแท้ มีออกมาขายช่วงแรกช่วงสั้นๆแค่ไม่กี่เรื่อง แล้ว BD ก็มา ทำให้ผู้ผลิตหันมาผลิต 1080pแท้ กับ BD 2,xxxบ. และตอนนี้เจ้า BD ก็ไม่น่าเล่นแล้ว ควรเล่นพวก Box ต่างๆ เพราะอีกหน่อยหนังเค้าจะทำใส่ Flash Drive ขายกันแล้ว เพราะราคา Flash Drive ถูกลงมาก ประกอบกับ USB3.0 ก็มาแล้ว ซึ่ง Transfer Rate เร็วกว่า USB2.0 ตั้ง 10 เท่า ภาพที่เล่นผ่าน Box USB3.0 มันจะคมชัด ไหลลื่นแค่ไหนลองคิดดูครับ และราคาถูกกว่าซื้อแผ่นแน่นอน

LCD มี Trumotion ซึ่งเป็นวงจรช่วยสร้างภาพให้ดูไหลลื่น แต่ภาพที่ได้มันจะดูลอยๆหลอกตาไม่เป็นธรรมชาติ
ถ้าใส่ Trumotion กับ Plasma มันใส่ไม่ได้ครับ Plasma ไม่มี Delay time นี่ครับ

ปัญหาที่แท้จริงมันอยู่ที่ แผ่น HD ไม่ใช่ 1080pแท้ ถ้าเอาแผ่นที่เป็น 1080pแท้ มาเล่น ก็จะไม่เจอปัญหานี้
จะข้อร้องให้ผู้ผลิต Plasma ใส่ Trumotion ดี หรือร้องขอให้ผู้ผลิตแผ่นทำเป็น 1080pแท้ดีครับ

จอ LCD มีปัญหาเรื่อง Response Time ที่แก้ไม่ได้ ทำให้ฉากแอ็คชั่น ฉากรถแข่ง ไม่ไหลลื่นเท่า Plasma และได้คิดค้น Trumotion มาช่วยทำภาพให้มันดูไหลลื่นขึ้น แต่ลอยๆไม่เป็นธรรมชาติ โดยมีฟังก์ชั่นให้เลือก 3 แบบ Low ,Middle , High(ดูไหลลื่นกว่า Low แต่ภาพออกลอยๆไม่เป็นธรรมชาติ)
ถ้า Trumotion ไหลลื่นเป็นธรรมชาติ เค้าคงใส่แบบ Max มาแล้วล่ะ คงไม่ต้องให้มาเลือก Low , Middle , High แบบนี้หรอกครับ

จอ LCD มีค่า Response Time < 12ms ก็เพียงพอกับการับชม FreeTV แต่จะไม่ไหลลื่นในฉากแอ็คชั่นเท่า Plasma
ถ้าจะเล่น LED LCDTV & LCDTV ควรเล่น Toshiba ถึงแม้ค่า RT 8ms แต่ใส่ 14bit กับ 200Hz ภาพที่ได้ชัดลึก สีสันสดสวย ไหลลื่นดีกว่า

ข้อมูลเล็กๆที่อาจจะไม่มีค่าใดๆเลยกับบางท่าน แต่อาจจะสำคัญกับบางท่านที่ชอบความจริง ไม่ลอย แต่เป็นธรรมชาติ

Deep Color(bit)
LED LCDTV / LCDTV
Toshiba . . . . . . . . . . . . . . . . . 10-14bit
Pana , SS , LG , Sony , อื่นๆ . . . . 8-10bit
Sharp . . . . . . . . . . . . . . . . . . 10bit

Plasma
SS . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 18bit
LG . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 16bit
Pana . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 12bit
* bit ยิ่งสูง ทำให้ภาพมีสีสันฉูดฉาด มีมิติลึกล้ำ

มุมมองของจอภาพ
LED LCDTV/LCDTV
– Pana & LG . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ใช้จอแข็ง IPS & S-IPS . . . มองด้านข้างก็ยังชัด สีสันไม่ซีด
– SS , Sony , Toshiba , TCL , Sanyo , Pilips , อื่นๆ . . . ใช้จอนิ่ม PVA . . . . . . . . . มองด้านข้าง มีสีซีด เพี้ยนลง แต่มองตรงกลางสีจะสดกว่าจอแข็งเล้กน้อย
PlasmaTV
– ทุกแบรนด์ ใช้หลักการเดียวกัน . . . . . . . มองได้ทุกมุม เหมือนจอ CRT ไม่มีซีด สีสันไม่เพี้ยน

Plasma Pioneer มาถูกทาง แต่ผิดเวลา
ท่าน ที่เคยเห็น Plasma Pioneer ต่างบอกว่ามันเทพมาก(มากกว่า Sony Trinitron หรือเปล่าล่ะเนี่ย) ทุกคนอยากได้ แต่ราคา 8x,xxx – 3xx,xxx —> ทุกคนบอกไม่เอาดีกว่า ถอยดีกว่า
ตอนนี้ LED LCDTV ตัวที่แพงสุด 2xx,xxx หลายท่านบอกว่าอยากได้มันเทพมากๆ ราคาไม่แพงเลย สมราคามาก แอบขำ
Pioneer เครื่องละ 1xx,xxx ภาพยังเหนือกว่า LED LCDTV ตัวเทพสุด แบบไม่เห็นฝุ่นเลยด้วยซ้ำ
Pioneer ตอนนั้นมาแบบผิดจังหวะ ผิดเวลา คุณ xta บอกว่าตอนนี้ Pioneer ไม่ทำ Plasma แล้ว แอบเสียดาย กลับมาทำราคาเดิม แล้วเปลี่ยนรูปทรง ให้โดนใจเวลานี้ น่าจะเหมาะแล้วล่ะครับ
แอบลุ้น Pioneer อยู่ครับ

Plasma ตอนนี้แก้จุดบอดหมดแล้วครับ
วินาที นี้ไม่มีจออะไรมาเทียบแล้วครับ ใช้ nx700 ยังดูหนังได้แค่เรื่องเดียว ต้องพักสายตา Plasma ดูได้ไม่มีล้าลูกตาแน่นอน ดูจนคุณหลับแล้วตื่นมาดูต่อจนหลับอีก ก็ยังสบายตา ผมก็เป็นเหมือนคุณ yubaba ครับ ยังมีท่านอื่นอีกนะครับ ที่เป็นแบบนี้ แต่ขี้เกียจหาลิงค์ ลองหาอ่านไปเรื่อยๆดูครับ ต้องคนที่เคยใช้ทั้ง Plasma & LED LCDTV นะครับ ประเภทที่ไม่เคยใช้ Plasma ตอบไม่ได้หรอกครับ แค่เอาความรู้สึกตอนไปดูตามห้างมาคิดว่า LED LCDTV ชัดกว่านั้น มันวัดกันไม่ได้ ถามว่าคุณซื้อเจ้า LED LCDTV หรือ Plasma ไปดูที่บ้าน คุณเปิดไฟดูสว่างเต็มที่เหมือนในห้างเหรอครับ แล้วคุณจะซื้อเจ้า LED LCDTV ที่มันสู้แสงได้เยอะไปทำไม หรือคุณๆท่านๆเอาไปดูในสวนหน้าบ้านท่าน ท่านไม่ได้ดูในบ้านหรือครับ เมื่อก่อนผมใช้ LCDTV ผมดูได้ 2 ชม.กว่าๆก็ล้าลูกตา แสบตาไปหมด ผมยังไม่เคยมี Plasma เป็นๆมาดูในบ้าน ก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุว่าทำไมชอบแสบตา ล้าลูกตา ยังคิดว่าเพราะเราเป็นภูมิแพ้ ไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะ LCDTV แต่พอ LG เอา Plasma มาสำรองให้ดูแทน LCDTV ที่ส่งซ่อม ก็เลยเข้าใจ และกล้าพูดได้เต็มปากครับ

*PlasmaTV ปี 2010 ขึ้นไป(Dynamic Contrast 3,000,000:1+) ดีกว่า LED LCDTV & LCDTV
*อยากให้ฉุกคิดสักนิดกับเงินที่ต้องจ่าย กับความสุขที่สมเหตุผล

ผม เคยไปลองฟังเสียงลำโพงรถยนต์ที่ร้าน Mirace ยี่ห้อ Performance ราคาคู่ละ 4,900 กับยีห้อ Prism คู่ละ 9,900 ความนุ่มลึกของเบสราคา 9,900 ฟังแล้วนุ่มลึกกว่า แต่ 4,900 มันก็นุ่ม แต่ลึกน้อยกว่านิดนึง ผมถามเจ้าของร้านว่า”เสียงมันต่างกันแค่นิดเดียว ไม่ต่างจนเด่นชัด ทำไมราคามันต่างซะขนาดนั้น” เค้าตอบว่า “ก็มันแค่นิดเดียวนี่แหละ แต่ยี่ห้อนั้นทำไม่ได้น่ะสิ ยี่ห้อนี้เค้าทำได้ เค้าก็เลยมีสิทธิที่จะขายราคานี้” เป็นคำตอบที่เคลียร์จริงๆ

ขึ้นอยู่ที่ท่านแหละครับเงินอยู่ในกระเป๋าท่าน ข้อมูลจะเคลียร์ชัดแค่ไหน ก็มิอาจง้างความต้องการในใจของใครได้
แค่เราใช้ทุกอย่างแบบพอเพียง = เราไม่เพิ่มขยะ = รักษ์โลก = รักครอบครัว รักคนที่เรารัก

ขอบคุณ ข้อมูลทั้งหมดจากคุณ fmt ซึ่งเป็นคนเขียนบทความไว้ที่ LCDThailand ครับ

Pin It on Pinterest

Share This